วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปฏิจจสมุปบาท


เป็นหลักธรรมที่แสดงให้เห็นถึงกระบวนการเกิดการดำเนินไปและการดับไปของชีวิต  รวมถึงการเกิด  การดับแห่งทุกข์ด้วย  ในกระบวนการนี้สิ่งทั้งหลายจะเกิดขึ้น   เป็นอยู่  และดับลงไปในลักษณะแห่งความสัมพันธ์กันเป็นห่วงโซ่  เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่กันและกันในรูปของ วงจร กล่าวคือ  เป็นกระบวนแห่งความสัมพันธ์กันเป็นห่วงโซ่  ในกระบวนแห่งปฏิจจสมุปบาทนั้นไม่มีส่วนไหนเป็นปฐมกรหรือปฐมเหตุ  เพราะกระบวนการของชีวิตเป็นวัฏฏะแห่งกิเลส  กรรม  วิบาก  ซึ่งกลายเป็นวัฏสงสาร
     แต่อย่างไรก็ตาม ในการพยายามอธิบายกระบวนการแห่งชีวิต ตามหลักปฏิจจสมุปบาทนี้ จำเป็นจะต้องหาจุดเริ่มต้นอธิบายให้เห็นว่า เป็นเหตุเป็นปัจจัยกันอย่างไรก่อน  ดังนั้นท่านจึงสมมติเริ่มจากอวิชชา   โดยอธิบายอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสิ่งอื่น ๆ  ตามมาเป็นวัฏจักรนำไปสู่ทุกข์  ในทำนองเดียวกัน ถ้าอวิชชาดับไปไม่เหลือ  ก็จะเป็นเหตุนำไปสู่การดับทุกข์ได้ในที่สุด  เพราะความเป็นไปของชีวิตมีสภาวะเป็นวงจรที่เรียกว่าสงสารวัฏ   ดังนั้นเบื้องต้นท่ามกลางและที่สุดของสังสารวัฏจึงไม่ปรากฏ
     ลักษณะอีกประการหนึ่งที่นับว่าเป็นหลักเกี่ยวกับความรู้ในพุทธปรัชญา  ก็คือ  พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงแสวงหาความจริงทั้งหลาย   ที่ไม่สามารถนำมาอธิบายได้ด้วยหลักปฏิจจสมุปบาท  อันได้แก่ อัพยากตปัญหา  คือปัญหาที่ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ด้วยประสบการณ์ของมนุษย์   เช่น   ปัญหาเกี่ยวกับโลกเที่ยงหรือไม่เที่ยง  สัตว์ทั้งหลายหลังจากตายแล้วมีอยู่หรือไม่มีอยู่  ฯลฯ เป็นต้น  เพราะความรู้เรื่องอภิปรัชญาเช่นนี้ไม่นำไปสู่ความสิ้นทุกข์และไม่มีผลในทางปฏิบัติสำหรับชีวิตจริง  เป็นปัญหาที่อธิบายแล้วคนไม่อาจจะมองเห็นและเข้าใจได้
     ปฏิจจสมุปบาท จึงหมายถึง สิ่งที่อิงอาศัยกันเกิดขึ้น ได้แก่  ภาวะของสิ่งที่ไม่เป็นอิสระของตนต้องอาศัยกันและกันจึงเกิดขึ้นได้
    คำว่า ปฏิจจสมุปบาท นี้ พระพุทธโฆษาจารย์  ได้แปลไว้ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคว่า  สภาวธรรมที่เกิดขึ้นได้เพราะอาศัยซึ่งกันและกัน
ชื่อต่าง ๆ ของปฏิจจสมุปบาท ยังมีคำอื่น ๆ เรียกแทนคำว่า "ปฏิจจสมุปบาท"  (คำอันเป็นไวพจน์) ได้อีก คือ
ธัมมฐิตตา  หรือ ธัมมฐิติ ธัมมนิยามตา หรือ ธัมมนิยาม อิทัปปัจจยตา ตถตา อวิตถตา อนัญญถตา ปัจจยการ

ที่มา : http://www.dharma-gateway.com/dhamma/dhamma-32-01.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น